FeverGame.net
SOCIAL:
Filed under: FeverGame Studio, ข่าว, มิวสิควิดีโอ

Ghost Hunter – สมุดบันทึกของคนตาย (ตอนที่ 1 ฆาตกรรม)

 
Ghost Hunter – สมุดบันทึกของคนตาย (ตอนที่ 1 ฆาตกรรม)
เขียนโดย อัศวิน FeverGame

ทีเซอร์หนัง

ทีเซอร์ Ghost Hunter – สมุดบันทึกของคนตายครบรอบ 3 ปี FeverGame มิวสิควิดีโอกับทีเซอร์หนัง Ghost Hunter – สมุดบันทึกของคนตายสร้างจาก นิยายที่เขียนโดย อัศวินhttp://www.fevergame.net/word/?p=3515

Posted by FeverGame – ข่าวสาร วาไรตี้ เกม บันเทิง on 9 ตุลาคม 2015

GHcover2000


นิยาย
Cover
ตอนที่ 1 : ฆาตกรรม

ถึงแม้จะเป็นวันอากาศดี นิพัทธ์ก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องสมุดเช่นเคย เขาเป็นเด็กนักเรียนที่ค่อนข้างเก็บตัวและมีโลกส่วนตัวสูง เพื่อนวัยเดียวกันก็ไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายกับเขามากนัก แม้เขาจะจบการศึกษาในปีนี้ แต่เขาก็ไม่เคยมีเพื่อนเลย นิพัทธ์พลิกหน้ากระดาษไปอย่างเลื่อนลอย โดนไม่ใส่ใจสมการเคมีในหนังสือ

“ไม่.. อย่า… ขอร้อง อย่าทำ….”เสียงกรีดร้องดังขึ้น นิพัทธ์สะดุ้ง นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความหวาดหวั่น เขาหันซ้ายหันขวาเพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ก็ไม่พบใคร นอกจากนักเรียนคนอื่นๆที่มาใช้ห้องสมุด แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงเมื่อสักครู่นี้เลย มีเพียงนิพัทธ์เท่านั้นที่ได้ยิน และเขารู้จักเจ้าของเสียงนั้นดี

นิพัทธ์ลุกขึ้น แล้วยัดหนังสือคืนชั้นวางอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องสมุด แล้วเขาก็พบว่ามีคนรอเข้าอยู่ที่หน้าประตู

“อาจารย์สุทัศน์”

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“ครับ ผมก็กำลังจะไปหาอาจารย์เหมือนกัน แล้วอาจารย์อดิศักดิ์ละครับ วันนี้เขาอยู่หรือเปล่า ผมไม่เห็นเขาตั้งแต่เช้าแล้ว” นิพัทธ์พูด แล้วเดินตามอาจารย์สุทัศน์ไปที่ห้องวิทยาศาสตร์ที่อยู่ใกล้ๆ

“ปิดประตูก่อน” อาจารย์สุทัศน์สั่ง นิพัทธ์ทำตามแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ “วันนี้ศักดิ์เขาไม่อยู่ ฉันไม่แน่ใจว่าเขาไปไหน และหวังว่าไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด เอาล่ะ เข้าเรื่องดีกว่า เธอรู้ใช่ไหมว่าอรนุชหายไป”

“ทราบครับอาจารย์” นิพัทธ์พูดเสียงแหบ

“ฉันไม่น่าถามอย่างนั้นเลย ในเมื่อทุกคนก็รู้” เขาหยุดครุ่นคิด “แต่เธอรู้ใช่ไหม ว่าทำไมเขาหายไป”

“ผมไม่แน่ใจครับอาจารย์ ผมแค่สงสัยว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่พวกเราทำอยู่หรือเปล่า”

“มันเป็นเรื่องเดียวกัน และตอนนี้อรนุชกำลังอยู่ในอันตราย”

“หมายความว่าไงครับอาจารย์ นุชเธออยู่ไหน เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมครับ” นิพัทธ์มองหน้าเขาอย่างมีความหวัง

“เธอรู้ใช่ไหมว่าอดิศักดิ์เขาเคยพูดถึงวันแรมที่มีผลต่อไสยศาสตร์ และเขาเคยพูดเปรยๆว่าเขาอาจจะหาชายหญิงมาสังเวยเพื่อให้อำนาจของเขาแข็งแกร่งขึ้น”

“ใช่ครับ แต่มันเกี่ยวอะไร..” นิพัทธ์หยุดพูด แล้วจู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ “ไม่นะครับอาจารย์ผมต้องหยุดเขา เพราะอย่างนี้ใช่ไหมครับ ที่เขาไม่มาสอนเพราะนุช”

“เข้าใจสักทีนะ คืนนี้พระจันทร์ข้างแรมจะมีผลต่อไสยศาสตร์ ฉันจะมาที่นี่เพื่อหยุดเขา แม้เขาจะมีเพียงหญิงสาวคนเดียว แต่หากเขาทำมันสำเร็จ พลังอำนาจของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาก ถึงตอนนั้นคงจะไม่มีใครหยุดเขาได้อีก”

“ผมจะไปด้วยครับ ผมจะต้องมาช่วยนุชให้ได้”

“มันอันตรายมากนะ ฉันแค่ต้องการให้เธอค่อยฟังข่าวจากฉันเท่านั้น เพราะหากฉันเป็นอะไรไป อย่างน้อยเธอจะได้หาทางหยุดเขาได้”

“ไม่ครับอาจารย์ ผมขอไปด้วย ยังไงเขาคงไม่ปล่อยผมไว้แน่ๆ ไม่ว่าผมจะไปหรือไม่ไป”

“แต่…”

“อย่าห้ามผมเลยครับอาจารย์”

“ก็ได้ วันนี้ก่อนหกโมงเย็น เธอมาหาฉันที่หน้าโรงเรียน เราจะเข้าไปช่วยอรนุชด้วยกัน” อาจารย์สุทัศน์บอกนิพัทธ์ เขาพยักหน้าแล้วขอตัวเดินออกจากห้องไป อาจารย์สุทัศน์มองตามหลังเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนเกือบจะเย็นชา

เข็มนาฬิกายังคงเดินอย่างช้าๆ พลางนึกถึงคำพูดที่อาจารย์สุทัศน์บอกไว้เมื่อก่อนกลับบ้าน

“หลังจากหกโมงไป พลังไสยศาสตร์ของอดิศักดิ์จะมีอำนาจมากที่สุด มันจะเปลี่ยนโรงเรียนนี้เป็นอีกโลกหนึ่ง ที่นั้นพลังไสยศาสตร์สามารถดลบันดาลทุกอย่าง”

“ทุกอย่างเหรอครับ”

“ใช่ วิชาที่เธอได้เรียนจากฉันและอดิศักดิ์ไป มันจนปรากฏผลทันที่ที่ต้องการ และเธอต้องแกร่งพอที่จะควบคุมพลังของตัวเธอให้ได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นดาบที่ทำร้ายเธอ”

นิพัทธ์นิ่งเงียบ พลางมองออกไปที่กลุ่มนักเรียนเดินพากันเดินออกไปรอรถโดยสารที่หน้าโรงเรียน

“เราจะช่วยนุชได้ใช่ไหมครับ”

“ฉันตอบไม่ได้” นั้นคือคำตอบสุดท้ายที่นิพัทธ์ได้ยิน

นิพัทธ์เปิดสมุดปกแข็งสีฟ้า แล้วเขียนสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาในวันนี้ลงไป เขาพลิกกลับไปดูหน้าที่เขาเขียนบันทึกในวันอื่นๆ วิชาต่างๆที่เขาเขียนบันทึกไว้ เขาพยายามจดจำมันให้มากที่สุด

“เปลี่ยนสิ่งของที่อยู่ในมือให้เป็นอาวุธ นะปลุกศาสตรา” นิพัทธ์ถอนหายใจ และมองออกไปนอกหน้าต่าง อีกาตัวหนึ่งบินผ่าน มันบินไปเอื่อยๆ แล้วร่อนลงเกาะที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง สายตามองดูคนสองคนที่ด้านล่าง พวกเขากำลังยืนรออะไรบางอย่าง

“เรารออะไรอยู่ครับอาจารย์” นิพัทธ์ถาม แสงสว่างของวันกำลังหมดลง พร้อมๆกับใจของนิพัทธ์ที่เต้นแรงขึ้น

“รอเวลา ประตูจะเปิดออก เมื่อถึงเวลา” อาจารย์สุทัศน์ตอบ ดูเหมือนเขาก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

เข็มนาฬิกาของนิพัทธ์แทบจะไม่ขยับเลย เมื่อเข้าจ้องมันตลอดเวลา และในที่สุดเมื่อมันชี้ไปที่เลขหกและเลขสิบสอง นิพัทธ์จ้องมองประตู ลมที่เคยพัดเอื่อยๆเริ่มแรงขึ้น เขารู้สึกถึงพลังบางอย่างที่รุนแรงกำลังก่อตัวขึ้นรอบบริเวณ รังสีบางๆค่อยๆปกคลุมรอบๆบริเวณโรงเรียน แม้เขาจะมองไม่เห็นมัน เขาก็รู้สึกได้ถึงมัน แล้วประตูเหล็กก็ค่อยๆเลื่อนเปิดออก

“ถ้าหากเราเข้าไปแล้ว เราจะไม่สามารถออกมาได้ มีเพียงแค่ทางเดียว คือเธอต้องฆ่าคนที่สร้างมันขึ้นมา จำไว้ให้ดี อดิศักดิ์เขารู้ทุกอย่างที่เธอจะใช้ หากต้องการเอาชนะเขา จงอย่าสงสารและเมตตา เธอต้องเด็ดเดี่ยวให้มากที่สุด”

“ครับอาจารย์” นิพัทธ์รับคำ

ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงเรียน นิพัทธ์รู้สึกเหมือนเดินต้านลมแรงๆ เขาต้องพยายามออกแรงมากกว่าการเดินปกติ ต่างกับอาจารย์สุทัศน์ที่เดินเข้ามาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเข้ามาให้เขตโรงเรียนแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนเลือดภายในตัวขึ้งเขากำลังเดือด และสูบฉีดอย่างรวดเร็ว

“ตั้งสมาธิไว้ วิชาในตัวเธอมันกำลังตอบรับสถานที่แห่งนี้”

นิพัทธ์พยักหน้า เมื่อเขาเริ่มมีสมาธิ พลังนั้นก็เริ่มคลายตัวลง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงมันได้ภายในร่างกายเขา เขากำผงดินขึ้นมากำมือหนึ่ง แล้วพึมพำคาถาที่เคยเรียนมา แล้วเป่ามันออกจากฝ่ามือ เศษดินที่ปลิวออกจากมือของเขานั้นกลายเป็นตัวต่อนับร้อยบินไปมาในอากาศอย่างดุร้าย

“ว้าว” นิพัทธ์อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

“เธอลืมจุดประสงค์ที่มาที่นี้แล้วรึไง” อาจารย์สุทัศน์พูดเสียงเข้ม เขาโบกมือครั้งหนึ่ง แล้วฝูงตัวต่อก็กลายเป็นเศษดินฟุ้งในอากาศ “ที่นี้ไม่ใช่สนามเด็กเล่น หรือสถานที่ที่เธอใช้ลองวิชา”

“ผมขอโทษครับ” นิพัทธ์พูดอย่างสำนึกผิด

“เราต้องแยกกัน ตามหาตัวของอดิศักดิ์ ถ้าเธอเจอเขา พยายามถ่วงเวลาเขาไว้ แล้วฉันจะมาช่วย”

“ถ้าผมเจอเขา ผมจะทำให้อาจารย์จะรู้ได้ยังไงครับ”

“แค่เธอใช้วิชาไสยศาสตร์ใดก็ได้ ฉันก็จะรู้เองเข้าใจไหม”

“ครับ”

สุทัศน์เดินเข้าไปทางตึกใหญ่ ทิ้งนิพัทธ์ไว้แค่หน้าโรงเรียนเพียงคนเดียว

“นุช” นิพัทธ์พึมพำ แล้วกระชับเป้หลัง ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงเรียน

แสงตะวันถูกดูดกลืนหายไปจากท้องฟ้าแทนที่ด้วยความมืดสลัวครอบคลุมทุกพื้นที่ นิพัทธ์รู้สึกเหมือนมีสายตานับร้อยจ้องมองการกระทำของเขา
เขาหยุดนิ่งเมื่อเดินมาถึงประไม้บานใหญ่

“ฉันฝากแกไว้ในนี้ สักวันฉันจะกลับมาเอาคืน” นิพัทธ์เปิดประตูเขาไป ในห้องที่มีหนังสือนับร้อยนับพัน วางเป็นระเบียบอยู่ในชั้นวาง มันคือห้องสมุดของโรงเรียน เขาล้วงสมุดปกแข็งสีฟ้าออกมาจากกระเป๋า แล้ววางมันลงกับพื้น พร้อมๆกับพึมพำอะไรบ้างอย่างในลำคอ สมุดเล่มนั้นสั่นเหมือนมีใครมาจับมัน และแล้วมันก็หายไปราวกับรูปภาพที่ถูกลบไป

“สักวันหนึ่ง แกจะมีประโยชน์กับฉัน”

แกร๊ก แกร๊ก

นิพัทธ์หันไปมองต้นตอของเสียง มีอีกาตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่หน้าต่าง มันกำลังจ้องมองนิพัทธ์เขา มันร้องเบาๆเหมือนเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง

“อดิศักดิ์เหรอ” นิพัทธ์อุทาน เขาฉีกกระดาษแล้วพึมพำคาถาอย่างรวดเร็ว แล้วปาใส่อีกา จากกระดาษธรรมดากลายเป็นลูกไฟลูกใหญ่มันพุ่งเข้าหาอีกกา แต่ทว่า มันเพียงกระพือปีกเบาๆ ก็หลบพ้นลูกไฟของนิพัทธ์

อีการ้องอย่างบ้าคลั่ง มันร้องพร้อมๆกับกระพือปีก สักพักนิพัทธ์ก็ได้ยินเสียงร้องระงมของอีกกานับร้อยตัวอยู่ข้างนอก ช่องแสงที่กั้นไว้ด้วยกระจกแตกละเอียดเมื่อฝูงอีกาต่างพุ่งชน และบินเข้ามาในห้อง

นิพัทธ์พุ่งหลบเมื่ออีกาตัวหนึ่งพุ่งใส่เขาอย่างดุร้าย นิพัทธ์ตอบโต้มันด้วยลูกไฟกระดาษ แต่พลาด ทำให้อีกานับร้อยต่างบินลงมารุมจิกรุมทึ้งเขา เขาใช้เป้ฟาดไปมาอย่างไม่รู้ทิศทาง และพยายามวิ่งออกมาจากห้องสมุด แม้เขาจะวิ่งออกมาจากห้องสมุดได้แล้ว ฝูงอีกายังคงไล่ตามอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสลัวกับความเคยชิน ทำให้เขาวิ่งไปตามระเบียงได้โดยไม่มีปัญหา

แต่ปัญหาอยู่ที่ทางลงบันไดท้ายสุดของระเบียง ชายคนหนึ่งใส่ชุดดำปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากสีขาว เขายืนนิ่งสงบและไม่แปลกใจที่เห็นนิพัทธ์
นิพัทธ์หยุดใจเต้นรัวเร็ว ด้วยความเหนื่อยความหวาดกลัวและความแค้น ฝูงอีกาทั้งหมดหายไป ไม่เห็นแม้แต่ขนสีดำคลับสักเส้น

“อดิศักดิ์”

ชายคนนั้นไม่ตอบ เขาปาวัตถุสีเงินอกมา มันพุ่งมาเร็วจนนิพัทธ์ไม่ทันสังเกต เขารู้สึกได้ก็ต่อเมื่อมันเชี่ยวแขนของเขา ทำให้เลือดสดๆไหลออกมา

“โอ๊ย..ย..ย” นิพัทธ์ครางด้วยความเจ็บ เขากุมแผลและกำมันแน่นเพื่อห้ามเลือด

“หยุดนะอดิศักดิ์” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของนิพัทธ์ มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น

“อาจารย์”

อาจารย์สุทัศน์ก้าวมายืนข้างๆเขา และบีบหัวไหล่ของนิพัทธ์ มันแรงจนรู้สึกเจ็บและชา

“ปล่อยอรนุชคืนมา แล้วเราจะไม่เอาผิดแก” อาจารย์สุทัศน์พูดกับชายชุดดำที่ยังคงยืนนิ่ง

“เด็กคนนั้นตายแล้ว และพวกแกก็ต้องตายไม่มีทางที่จะออกจากที่นี้ไปได้”

“ไม่ม่ม่ม่ม่..” นิพัทธ์คำรามด้วยความโกรธ เขากำมือแน่นและคว้างเข็มนับร้อยเล่มออกมาจากฝ่ามือที่ว่างเปล่า เข็มเหล่านั้นแดงฉานเหมือนอยู่ในเตาไฟมานาน

ชายชุดดำยังคงยืนนิ่งและหายไปกลายเป็นไอสีดำ เมื่อเข็มเหล่านั้นสัมผัสถูกเขา

“เขาตายแล้วเหรอครับ” นิพัทธ์ถามด้วยความงุนงง

“เปล่า เขายังไม่ตาย” อาจารย์สุทัศน์ตอบ เขาดูงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเดินไปหยิบเข็มที่นิพัทธ์เสกขึ้นมา มันไม่ได้หายไปเหมือนกับวัตถุอย่างอื่นที่ถูกเสกขึ้น “เธอทำได้ยังไง”

“ทำอะไรเหรอครับอาจารย์”

“เข็มนี่ไง แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้มันอยู่ได้อย่างถาวร”

“ผมไม่ทราบครับอาจารย์” นิพัทธ์ตอบ “แล้วอรนุช”

“ไปที่ลานหน้าเสาธง” จู่ๆอาจารย์สุทัศน์ก็พูดขึ้น

“ไปทำไมครับอาจารย์”

“อย่าถามมากได้ไหม ฉันสั่งอะไรก็ต้องทำ” อาจารย์สุทัศน์พูดเสียงดังจนเหมือนกับตะโกน

“ครับ” นิพัทธ์รับคำ เขารู้สึกเหมือนอาจารย์กำลังโกรธอะไรบ้างอย่าง

ทั้งคู่เดินลงจากอาคาร ไปที่ลานหน้าเสาธง อิฐตัวหนอนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนลานกว้าง แม้จะเป็นคืนข้างแรม แต่นัยน์ตาของทั้งคู่ยังคงมองเห็นได้ชัดเจน ที่นั้นนิพัทธ์เห็นหญิงสาวที่เขารักนอนอยู่บนพื้น และชายคนหนึ่งที่จับมือเธอกุมไว้

“อดิศักดิ์” นิพัทธ์คำราม

“สุทัศน์ นิพัทธ์”

“อาจารย์ฆ่าคน ฆ่าเพื่อสร้างที่นี่ ผมไม่คิดเลยอาจารย์จะทำมันได้” นิพัทธ์พูดอย่างเกรี้ยวกราดผสมกับความเสียใจ

“นิพัทธ์ เธอกำลังถูกหลอกใช้ สุทัศน์เขาหลอกเธอมาที่นี่ เขาเป็นคนฆ่าอรนุช”

“โกหก ผมต่างหากที่ถูกอาจารย์หลอกใช้ ก่อนวันที่นุชจะหายตัวไป เธอบอกว่าจะไปหาอาจารย์ แล้วที่บนระเบียง อาจารย์ก็เป็นคนพูดเอง ว่าอาจารย์ฆ่าเธอ”

“ใช่นุชมาหาฉันจริง เธอมาบอกฉันว่าจะมาที่โรงเรียน ฉันไม่คิดว่าเธอจะถูกฆ่า ไม่อย่างนั้นฉันคงมาช่วยเธอแล้ว ที่เธอพูดถึงระเบียง ฉันพึ่งมาถึงที่นี้ ฉันไม่รู้ว่าเธอเจอใครบนระเบียง อาจเป็นการจัดฉากของใครบ้างคนก็ได้”

“หยุดปั้นเรื่องเถอะศักดิ์ ไม่ว่านายจะพยายามแค่ไหน หลักฐานที่นายฆ่าอรนุชก็อยู่ตรงหน้านายแล้วไง ถ้านายไม่ได้ฆ่า แล้วนายมาอยู่กับศพของเธอได้ยังไง” อาจารย์สุทัศน์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ดูท่าทางเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อเห็นศพของลูกศิษย์

“นายต่างหากที่ฆ่าอรนุช นายใช้เลือดของหญิงสาวมาสร้างที่นี่ แล้วนายก็เป็นคนบอกให้ฉันมาที่นี่เอง”

“ตอนนี้อาจารย์จะพูดอะไรก็ได้ จะบอกว่าไม่ได้ฆ่าหรืออาจารย์จะโทษคนอื่นยังไงก็ได้” นิพัทธ์ตะโกนด้วยความโกรธที่เริ่มปะทุขึ้นมา ร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้น เขารู้สึกเหมือนมีสสารบางอย่างไหลวนไปมาในร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้เขาควบคุมมันได้ และเขารู้ว่าจะบังคับมันยังไง

นิพัทธ์พุ่งไปข้างหน้า เขาง้างหมัดใส่อดิศักดิ์ที่ยืนอยู่ แต่เขาพลาดเพราะอดิศักดิ์หลบทัน

“หยุดนะ เธอกำลังให้ความโกรธครอบงำเธอนะ มีสติหน่อยฉันไม่อยากทำร้ายเธอ”

“อาจารย์จะสนใจทำไม ในเมื่ออาจารย์ฆ่านุชไปแล้ว”

นิพัทธ์กำก้อนอิฐขึ้นมา แล้วพึมพำคาถาแล้วขว้างมันออกไป ก้อนอิฐแตกละเอียดกลายเป็นเศษหินนับพัน มันพุ่งใส่อดิศักดิ์อย่างรุนแรง คราวนี้เขาไม่ได้หลบ กลับยืนนิ่งและจ้องไปข้างหน้า ก้อนหินเหล่านั้นล่วงลงเมื่อมาถึงตัวเขา

“ฉันไม่อยากทำร้ายเธอ”

“นายไม่จำเป็นต้องทำ อย่างนายต้องเจอกับฉัน” อาจารย์สุทัศน์พูด เขาเดินมายืนข้างๆนิพัทธ์ “หลบไปก่อน มันอันตราย”

อาจารย์สุทัศน์ล้วงมีดพกออกมาจากกระเป๋า เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง มีดนั้นก็ยืดขยายออก กลายเป็นมีดดาบขนาดใหญ่ อดิศักดิ์หันไปคว้ากิ่งไม้ เขาเด็ดใบไม้ทิ้งจนหมด แล้วพึมพำคาถาเช่นเดียวกัน แต่กิ่งไม้ยังคงเป็นปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ฉันไม่มีวันให้นายทำชั่วอีก”

“นายต่างหากละศักดิ์ ที่กำลังทำมันพัง”

ทั้งคู่กระโจนเข้าหากัน เมื่อกิ่งไม้กระทบกับคมดาบ แทนที่มันจะหักหรือขาด แต่มันกลับมีเสียงและประกายไฟเหมือนเหล็กกล้ากระทบกัน
นิพัทธ์ละสายต่างจากทั้งคู่ เขาวิ่งมาที่ร่างไร้วิญญาณของอรนุช เธอดูเหมือนหลับไป เพียงแต่ไม่มีลมหายใจ นิพัทธ์มองใบหน้าของเธอ น้ำตาใสๆเริ่มหลั่งออกมา เขาหวังเพียงปาฏิหาริย์ ขอเพียงให้เธอพื้นขึ้นมา แม้เขาจะจับมืออันเย็นเชียบของเอเอาไว้ หวังให้จับตอบแต่มันคงจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว

“อ๊าก..ก…ก…ก….” นิพัทธ์คำรามด้วยความโกรธ ชายทั้งสองหยุดฟาดฟัน และหันมามองดูเขา นิพัทธ์ยืนขึ้น นัยน์ตาของเขาทอแสงประหลาด เขายืนมือออกมาข้างหน้า พลังงานต่างๆที่อยู่ในอากาศ ณ ที่แห่งนั้นเลื่อนไหลราวกับลมพัด มารวมที่มือของเขา มันกลายเป็นดาบเหล็ก ที่แข็งแกร่ง

“นิพัทธ์ เธอ..”

“ใช่ศักดิ์ เขามีพลังและพรสวรรค์” อาจารย์สุทัศน์พูด นัยน์ตามีแววละโมบ

คลื่นพลังแปลกประหลาดพุ่งกระจายออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มันพุ่งใส่ทั้งสองจนกระเด็นล้มคว่ำ

“อย่านิพัทธ์ เธอต้องคุมสติ เธอทำแบบนั้นไมได้” อดิศักดิ์ตะโกนร้องแข่งกับเสียงลม ที่กระหน่ำพัดแรงขึ้น

“อย่าไปฟังเขา เธอต้องฆ่าเขา เขาฆ่าอรนุช และเขาจะฆ่าเธอด้วย”

นิพัทธ์หันไปทางอดิศักดิ์ ที่ตอนนี้พยุงตัวเองลุกขึ้นมา นิพัทธ์ย่างสามขุมเขาหาอย่างดุดัน

“ไม่นิพัทธ์ เธออย่าบังคับฉันให้ทำร้ายเธอ”

นิพัทธ์กระโจนใส่อดิศักดิ์ เขาฟาดดาบของเขาใส่อดิศักดิ์ เขาเบี่ยงตัวหลบได้ แต่เหมือนมีแรงมหาศาลผลักเขาให้ไกลออกไป อาจารย์สุทัศน์อาศัยโอกาสนี้ วิ่งเขามาเพื่อจัดการอดิศักดิ์ ในตอนนี้อดิศักดิ์กำลังเหนื่อยอ่อน จากการรุมทำร้าย แม้ว่าเขาจะใช้กิ่งไม้ลงอาคมรับดาบของนิพัทธ์ที่ฟาดลงมาได้ แต่แรงสะท้อนมันทำให้เขารู้สึกเจ็บที่แขน เลือดเริ่มซึมออกมาจากผิวหนัง แม้จะไม่มีบาดแผล ในขณะที่สุทัศน์เริ่มฟาดฟันอย่างไม่หยุดยั้ง
ในช่วงเวลาที่อดิศักดิ์กำลังจนมุม เขาล้มลงเมื่อทนทานกับกระแสพลังไม่ไหว เขาตัดสินใจกำเศษดินขึ้นมาแล้วพึมพำคาถา มันกลายเป็นฝูงตัวต่อ ที่บินหึ่งๆ พุ่งใส่ทั้งสอง ทำให้เกิดความสับสน

อดิศักดิ์อาศัยโอกาสนี้ พุ่งเข้าใส่อาจารย์สุทัศน์ กิ่งไม้ลงอาคมเรืองแสงเมื่อเขาส่งพลังทั้งหมดไปที่มัน สุทัศน์เผลอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขาเบี่ยงตัวหลบ ทำให้กิ่งไม้นั้นพุ่งใส่คนที่อยู่ด้านหลังของอาจารย์สุทัศน์ อดิศักดิ์แม้จะพยายามดึงตัวเองกลับ แต่ก็สายเกินไป เมื่อกิ่งไม้นั้นแทงทะลุหัวใจของนิพัทธ์ เสียงของหัวใจเต้นแผ่วๆส่งผ่านมาทางกิ่งไม้เข้าสู่มือของผู้ถือ อดิศักดิ์รู้สึกได้เมื่อแรงสะเทือนหยุดไป นั่นหมายถึงหัวใจที่หยุดเต้น สายตาแห่งความเคียดแค้นของนิพัทธ์ยังคงค้างอยู่อย่างนั้น แม้ตัวของเขาจะล้มลงพื้นแบบไร้สภาพ

สุทัศน์ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยวนาทีนั้นด้วยสีหน้าเย็นช้า เขาใช้สันดาปฟาดมาที่คอของอดิศักดิ์ ทำให้เขาฟุบล้มลงไป พร้อมๆกับร่างของนิพัทธ์ ที่สายตาของเขายังคงเต็มไปด้วยรอยแห่งความแค้น

๑๙ ปีต่อมา
“โอ๊ย…” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ เมื่อเดินเข้าในห้องสมุด
“เป็นอะไรวิน” เพื่อนของเขาถาม
“เปล่า ฉันเจ็บหน้าอกอีกแล้ว มันเป็นหายๆมาพักหนึ่งแล้ว”
“ไปหาหมอบ้างนะ”
“โหย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าห่วง” วินตอบ แต่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ให้มันได้งั้นสิ”

อ่านต่อ  ตอนที่ 2 : ชมรม
http://www.fevergame.net/word/?p=3553

 5,460 total views,  1 views today

กดแชร์